
นาทีนี้ชาวไทยคงอยากจะทราบว่า "สิโรจน์ ฉัตรทอง" ผู้สร้างความสุขให้ชาวไทยทั้งประเทศ ด้วยการซัด 2 ประตู ทำให้ทีมชาติไทยคว้าแชมป์ ซูซูกิ คัพ 2016 มาเป็นแชมป์สมัยที่ 5 ได้สำเร็จ
"ดีใจครับที่ทำประตูได้ แต่ต้องยกเครดิตให้กับเพื่อนร่วมทีม ลูกแรกก็โชคดีด้วย ส่วนลูกสองต้องให้เครดิต เจ ที่จ่ายมาดี ฟอร์มโดยรวมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์อาจจะยังไม่พอใจนัก แต่สุดท้ายเราก็ได้แชมป์ นี่แหละครับสิ่งที่ต้องการมากที่สุด"

ทำความรู้จัก สิโรจน์ ฉัตรทอง
สิโรจน์ ฉัตรทอง เกิดและเติบโตที่จังหวัดสุรินทร์ มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน และเป็นลูกคนสุดท้องของ บรรดาพี่น้องทั้งหมด คุณพ่อเสียไปตั้งแต่เด็ก แม้จะชื่นชอบฟุตบอลมาตั้งแต่เล็กๆ แต่ชีวิตของเขาไม่เคย ติดทีมโรงเรียนแม้แต่ครั้งเดียวในชีวิต
“ผมอยู่ที่บ้าน (สุรินทร์) ไปคัดทีมโรงเรียน ก็ไม่เคยติด ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เพราะอะไร อาจเป็นเพราะเราไม่ค่อยมีใครสนับสนุนช่วยสอนอะไรมากนัก เบสิคก็ไม่ดี เราก็คิดแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ท้อ ผมสู้ ผมคิดว่าผมก็อยากจะเป็นนักฟุตบอลกินเงินเดือนให้ได้สักวันหนึ่ง”
“ทุกๆ วัน ตั้งแต่อายุ 16 ปี ผมมักจะตื่นมาวิ่งคนเดียวตอนตี 5 พยายามคิดว่า หากมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ก็น่าจะพอทดแทนเบสิคที่ (เราคิด) ว่าไม่ดีนัก ไปพอสู้กับคนอื่นเขาได้”
สิโรจน์ อาศัยความมานะพยายามและทุ่มเทในการฝึกซ้อม จนกระทั่งไปขอทดสอบฝีเท้ากับสุรินทร์ เอฟซี ในวัย 17 ปี และเป็นก้าวแรกที่ทำให้เขาได้เจอคนในวงการฟุตบอลจริงๆจังๆ และก็ไปเข้าตา โกสินทร์ ดีมาก กุนซือของสุรินทร์ในสมัยนั้น ก่อนถูกชักชวนให้ย้ายมาคัดตัวกับทีมนนทบุรี

ติดทีมชาติชุดช้างศึก
"เจ้าปีโป้" สิโรจน์ ฉัตรทอง กองหน้าป้ายแดงในนามทัพ "ช้างศึก" ที่ไม่เคยติดทีมชาติไทยชุดใดมาก่อน จากอุบล ยูเอ็มที ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากเดินทางเข้ามาสู่แคมป์ทีมชาติไทยว่า
"ถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและน่าตื่นเต้นมากครับ ที่ผมได้เข้ามาอยู่ในทีมชาติไทย ไม่ว่าจะไม่เคยติดชุดไหนมาก่อน ซึ่ง สก๊อตต์ คูเปอร์ เฮดโค้ชของอุบล ยูเอ็มที ก็มีการพูดคุยกับผมมาบ้างเช่นกัน โดยเขาอยากให้เราเป็นตัวของตัวเอง ตั้งใจกับผลงานในสนามให้มากที่สุด"

"ครั้งแรกที่ผมรู้ว่าติดทีมชาติไทยชุดใหญ่นั้น ผมเองมีน้ำตาซึมออกมาไม่น้อย ส่วนครอบครัวผมโดยเฉพาะคุณแม่ถึงกับร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว เพราะทุกคนไม่คิดว่าผมจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ แต่เมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมจำเป้นที่ต้องเรียนรู้แท็กติกทุกอย่างจากพี่โก้ (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) ให้ได้มากที่สุด"
"และเสื้อทีมชาติที่ผมสวมใส่นี้ มันต่างจากทุกตัวที่ผมเคยมีอย่างแน่นอน จากที่ผมต้องไปซื้อจากช้อปหน้าสนามราชมังฯ เพื่อใส่มาเชียร์ทีมชาติไทย วันนี้เราได้มาเป็นเจ้าของมันแล้ว ความรู้สึกของเสื้อที่ได้มาจากการซื้อ กับ เสื้อที่เราได้มาจากความพยายาม มันต่างกันมาก เวลาสวมใส่แล้วมองลงไป เห็นธงติดอยู่ที่หน้าอก ก็เหมือนเป็นพลังให้เราอยากลงไปรับใช้ชาติ"

นี่คือจุดเริ่มต้นของ "เจ้าปีโป้" สิโรจน์ ฉัตรทอง กองหน้าน้องใหม่ของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ จากค่าย อุบล ยูเอ็มที ที่อาศัยความมั่งมั่น มานะพยาม จนมาถึงวันนี้ที่แจ้งเกิดเต็มตัว
แสดงความคิดเห็น