
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2559 กล่าวว่ามีการลงนามซื้อรถถังรุ่นวีที-4 จากจีนล๊อตที่หนึ่งไปแล้ว 28 คัน และในระยะที่สองจะมีการซื้อต่อจนครบหนึ่งกองพันให้ครบ 49 คัน ในปีงบประมาณ 2560 โดยเป็นงบผูกพันงบประมาณ 3 ปี ทั้งนี้ เป็นไปตามที่คณะกรรมการพิจารณา ซึ่งดูเรื่องความน่าเชื่อถือในเรื่องระยะเวลาการส่งมอบและความเหมาะสมในทุกด้านเนื่องจากรถถัง โอพลอต จากประเทศยูเครน ที่ได้จัดหามา 49 คัน มีปัญหาเรื่องการส่งมอบการส่งกำลังบำรุงและสายการผลิต จากปัญหาสถานการณ์ในประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทผู้ผลิตโอพลอต ประเทศยูเครน จะสามารถส่งมอบรถถังทั้งหมด 49 คันให้กองทัพบกไทยได้ครบตามจำนวนได้ในเดือนตุลาคม 2560
ผู้บัญชาการทหารบกยังกล่าวถึงการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ว่า การพิจารณายึดลำดับความสำคัญเพื่อทดแทนของเก่าที่ซื้อมา เช่น รถถัง เอ็ม-41 คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานยุทโธปกรณ์ กองทัพบก (กมย.ทบ.) พิจารณาบริษัทที่เสนอเข้ามาว่า เหมาะสมและผ่านมาตรฐานหรือไม่ จากนั้นจะมีคณะกรรมการการจัดซื้อเดินทางไปดูรายละเอียดที่โรงงานการผลิต แล้วรวบรวมข้อมูลมาประชุมว่า บริษัทใดเข้าตามกรอบ เงื่อนไข ที่กำหนด เปรียบเทียบราคาและเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อดำเนินการเสนอซื้อ ดังนั้นจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่จะเปลี่ยนไปซื้ออาวุธจากจีนอย่างที่ตั้งข้อสังเกตกัน เพียงแต่ไทยต้องการสร้างอุตสาหกรรมในประเทศ คิดว่าซื้อเขามาแล้วต้องทำให้เป็นรูปธรรม
พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า “อยากให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมอาวุธในประเทศ เราค่อยๆ สร้างคนของเรา ถ้าจีนเข้ามาลงทุนสร้าง มีการร่วมทุน จีนก็เหมือนเป็นพี่เลี้ยงเรา”
และยังมีรายงานว่าการจัดซื้อรถถัง วีที-4 ระยะ 2 จำนวน 20 คัน วงเงินกว่า 2 พันล้านบาท โดยจะมีทั้งรถถัง รถกู้ซ่อม พร้อมเครื่องกระสุน โดยก่อนหน้านี้ช่วงต้นปี 2559 ทบ.ได้เซ็นสัญญาจัดซื้อรถถัง วีที-4 จำนวน 28 คัน วงเงิน 4.9 พันล้านบาท ซึ่งถ้าคำนวณจากรถถัง 49 คัน วงเงินก็จะเฉียด 9,000 ล้านบาท ใช้ ระยะเวลา 2559-2561 เพื่อนำไปประจำการที่กองพลทหารม้าที่ 3 (พล.ม.3) จ.ขอนแก่น เนื่องจากรถถังที่มีอยู่ประจำการนั้นเก่าและล้าสมัย
เปรียบเทียบจำนวนรถถังไทยกับประเทศอาเซียน

แสดงความคิดเห็น