ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
- การผิดสัดส่วนกันระหว่างทารกกับช่องเชิงกรานของมารดา อาจเป็นกระดูกเชิงกรานของมารดาผิดปกติ หรือทารกตัวโตก็ได้
- ภาวะเลือดออกก่อนคลอดจากรกเกาะต่ำ หรือรกลอกตัวก่อนกำหนด
- ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
- โรคแทรกซ้อนเช่นโรคเบาหวานระยะรุนแรง
- มะเร็งปากมดลูกกระจาย หรือมีก้อนเนื้อในช่องเชิงกรานที่ขวางทางคลอด
- ภาวะน้ำเดินก่อนคลอดเป็นเวลานาน
- ภาวะมดลูกหดรัดตัวผิดปกติซึ่งทำให้ระยะที่หนึ่งของการคลอดยาวนานผิดปกติ
- สตรีตั้งครรภ์ที่เคยได้รับการผ่าตัดที่ตัวมดลูก ได้แก่ การผ่าตัดเนื้องอกที่ตัวมดลูก
- ภายหลังการผ่าตัดช่องคลอด เพื่อแก้ไขภาวะปัสสาวะเล็ดเวลาไอ จาม
ข้อบ่งชี้ด้านทารกในครรภ์
- ภาวะขาดออกซิเจนในครรภ์
- ภาวะสายสะดือโผล่
- ทารกที่มีสวนนำเป็นก้นในครรภ์แรก
- ทารกอยู่ในท่าผิดปกติในครรภ์ไม่สามารถคลอดเองได้ เช่น ท่าขวาง
- การติดเชื้อรุนแรงที่ปากมดลูก
การปฏิบัติตนก่อนผ่าตัด
- ต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 - 8 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
เพื่อป้องกันการสำลักหรือเศษอาหารอุดตันท่อทางเดินหายใจขณะทำการผ่าตัด
- ดูแลทำความสะอาดร่างกายโดยเฉพาะบริเวณที่ทำผ่าตัดรวมไปถึงผม เล็บ ปากและฟัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนการทำผ่าตัด
- ไม่ต้องนำของมีค่าติดตัวไปห้องผ่าตัด
เพื่อป้องกันการสูญหายและป้องกันผิวหนังใหม่จากการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า
- ถ้ามีฟันปลอมชนิดถอดได้ควรถอดก่อนเข้าห้องผ่าตัด เพื่อป้องกันฟันปลอมหลุด
ไปอุดกั้นทางเดินหายใจขณะดมยาสลบ
การปฏิบัติตนหลังทำผ่าตัด
- งดน้ำและอาหารหลังผ่าตัดจนกว่าแพทย์จะพิจารณาให้รับประทานได้ เพื่อป้องกันอาการท้องอืดและอาการปวด
- ควรมีการเคลื่อนไหวร่างกายหลังผ่าตัดภายในวันแรกอย่างเหมาะสม โดยเริ่มจากการพลิกตะแคงตัวบนเตียง ต่อมาในวันที่ 2 เริ่มลุกนั่งบนเตียง ในวันถัดมาถึงหัดเดินรอบเตียง เพราะช่วยลดอาการท้องอืดและป้องกันลำไส้ติดกัน ขณะเคลื่อนไหวอาจใช้มือประคองบาดแผลไว้เพื่อลดอาการเจ็บ
- ดูแล้วระวังบาดแผลไม่ให้เปียกน้ำ และห้ามแกะ เกาบาดแผล เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ตัดไหมตามแพทย์นัด ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น แขนบวมแดง ปวด มีไข้สูง ให้รีบไปพบแพทย์
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น เนื้อ นม ไข่ ผักและผลไม้ และดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันท้องผูก และทำให้ร่างกายแข็งแรงมีน้ำนมเพียงพอเลี้ยงบุตร
- ไม่ควรทำงานหนักภายในระยะเวลา 1 - 2 เดือนหลังผ่าตัด
- ควรมีการคุมกำเนิดอย่างน้อย 1 ปีเพื่อให้แผลเป็นที่มดลูกเกาะกันแข็งแรง โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อภาวะมดลูกแตก
- ควรนำบุตรไปให้ภูมิคุ้มกันตามกำหนดเวลา และตรวจสุขภาพเด็กดีเพื่อดูพัฒนาการของบุตร
แสดงความคิดเห็น