- ไม่ใช่แผ่นอะไรที่มาบังอยู่หน้าดวงตา
- ไม่ใช่เกิดจากการใช้สายสามารถมาก
- ไม่ใช่ติดต่อจากตาข้างหนึ่งไปสู่อีกครั้งหนึ่งได้
- ไม่ใช่สาเหตุของตาบอดที่รักษาไม่ได้
แต่ต้อกระจก คือการที่เลนส์แก้วตาธรรมชาติ ซึ่งปกติใจะใส เกิดการขุ่นขึ้น ทำให้แสงผ่านเข้าไปถึงจอประสาทตาลดน้อยลง ภาพที่มองเห็นจึงไม่ชัดเจน ทำให้รู้สึกว่ามีอาการตามัว
อาการที่น่าสงสัยว่าจะเป็นต้อกระจก
- ตามัวโดยไม่มีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย แก้ไขโดยการใส่แว่นตาก็ไม่ดีขึ้น
- รู้สึกมองเห็นไม่ชัดในที่มีแสงจ้า หรือสู้แสงลำบาก
- เห็นภาพลำบากในเวลากลางคืน
- เห็นภาพซ้อนด้วยตาข้างเดียว
- ต้องใช้แสงสว่างเพิ่มขึ้นเพื่ออ่านหนังสือ
- ภาพวัตถุสีจางลงหรือออกเป็นสีโทนเหลือง
สาเหตุ
- โดยส่วนใหญ่มาจากความชรา หรือเกิดความเสื่อมตามวัย
- ถ้าเป็นในเด็กมักเกิดจากภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ หรือพันธุกรรม
- จากโรคแทรกซ้อนทางตาบางชนิด เช่น เบาหวานขึ้นตา โรคต้อหิน อุบัติเหตุที่ตา
- จากการใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์
- จากการสัมผัสแสงแดดจ้าต่อเนื่องนานๆ เสมอ โดยไม่ใช้แว่นกันแดดป้องกัน
- จากการผ่าตัดดวงตา
- และไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าเป็นต้อกระจก
การพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตาสามารถบอกได้แน่นอนว่าคุณเป็นต้อกระจกหรือไม่ และรวมทั้งยังเป็นการตรวจหาโรคทางตาอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นร่วมได้ เช่น โรคที่กระจกตาดำ โรคทางจอประสาทตา
การรักษา
การผ่าตัด เป็นวิธีเดียวในปัจจุบันที่ใช้รักษาทำให้กลับมามองเห็นได้ดังเดิม ยังไม่มียา อาหารเสริม วิตามิน หรือวิธีอื่นใดที่จะช่วยรักษาหรือยับยั้งโรคนี้ได้ การปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นต้อกระจกนานๆ จนสุก จะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ เช่นต้อหิน ม่านตาอักเสบ อาการปวดตาอย่างรุนแรง และระยะนี้ถ้ารักษาไม่ทันอาจทำให้ตาบอดได้ ควรทำการรักษาเมื่อรู้สึกว่าการมองเห็นลดลง จนเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยจักษุแพทย์จะเป็นผู้ช่วยตัดสินใจว่าเมื่อใด เวลาใด และวิธีการใดที่เหมาะสมต่อสภาวะของผู้ป่วยแต่ละราย
ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับหลังผ่าตัด
จุดมุ่งหมายคือช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้ดี ทำกิจวัตรได้ตามปกติ ซึ่งจักษุแพทย์จะต้องตรวจลุกตาอย่างละเอียดก่อน เพื่อหาโรคทางตาอื่นๆ ที่อาจมีร่วมด้วย หรือสาเหตุอื่น อันจะมีผลกระทบต่อการกลับมามองเห็นหลังผ่าตัดได้
การผ่าตัดต้อกระจก คือการผ่าตัดเอาเลนส์แก้วตาธรรมชาติที่ขุ่นออก และและใส่เลนส์เทียมเข้าไปแทนที่ เรียกให้เข้าใจง่ายๆก็คือการผ่าตัด "เปลี่ยนเลนส์แก้วตา"
วิธีการผ่าตัดที่ถือเป็นมาตรฐานอยู่ 2 วิธีคือ
1. การผ่าตัดแบบเปิดแผลกว้างและเย็บแผล
2. การผ่าตัดแบบสลายต้อกระจกด้วยคลื่นความถี่สูง
1. การผ่าตัดเปิดแผลกว้างและเย็บแผล
2. การผ่าตัดแบบสลายต้อกระจกด้วยคลื่นความถี่สูง
เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่มีหลักในการรักษาแบบเดียวกับวิธีแรก แต่ใช้เครื่องมือที่สร้างคลื่นเสียงความถี่สูงหรือ Ultra Sound ไปสลายต้อกระจกออกเป็นชิ้นเล็กๆ แทนการเอาออกทั้งก้อน
เลนส์แก้วตาเทียม
เป็นวัสดุสังเคราะห์ทำจากสารที่มีคุณสมบัติเข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อภายในลูกตา ไม่ก่อให้เกิด ปฏิกิริยาของร่างกายต่อวัตถุแปลกปลอม ทำหน้าที่แทนเลนส์แก้วตาธรรมชาติที่มีปัญหาจนต้องผ่าตัดเอาออกไป เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก่อนทำผ่าตัดจะต้องทำการวัดคำนวณค่าทางสายตาของเลนส์แทียมที่จะใช้ ให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
ชนิดของเลนส์เทียมในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
1. เลนส์เทียมชนิดแข็ง (PMMA) ใช้สำหรับการผ่าตัดแบบแผลกว้าง ถือเป็นเลนส์เทียมพื้นฐานที่ใช้กันมาแต่เดิม
2. เลนส์เทียมชนิดนิ่มพับได้ ใช้สำหรับการผ่าตัดสลายต้อกระจกเพื่อให้สามารถพับสอดเข้าแผลที่มีขนาดเล็กได้ แล้วจึงคลายตัวภายใน เป็นเลนส์เทียมที่มีการพัฒนาให้มีคุณสมบัติใหม่ๆ เพิ่มขึ้นตลอดเวลา เพื่อให้ได้เลนส์เทียมที่มีคุณสมบัติเทียบเคียงเลนส์ธรรมชาติมากที่สุด
คุณสมบัติเลนส์เทียมที่ดีคือ
- มีความเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อร่างกายดีกว่าแบบชนิดแข็ง
- ยึดติดกับถุงหุ้มเลนส์ได้ดี และมีโอกาสเกิดฝ้าขาวที่ถุงหุ้มเลนส์หลังผ่าตัดได้น้อยลง
- แยกความแตกต่างของระดับสีได้ดีกว่า
- เห็นภาพหลังผ่าตัดได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น
- ลดแสงสะท้อนปรับระยะการมองเห็นได้
- การฟื้นฟูสภาพการมองเห็นหลังผ่าตัด จึงไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ทำให้หลังผ่าตัดแทบไม่มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือการทำงาน
ดังนั้นในปัจจุบันการเลือกชนิดของเลนส์แก้วตาเทียมที่จะใส่ให้กับผู้ป่วยแต่ละราย จึงพิจารณาจากคุณสมบัติของการปรับทางเดินของแสงและจุดโฟกัสที่มีผลต่อการมองเห็นหลังผ่าตัดเป็นสำคัญเช่น
- เลสน์ที่โฟกัสภาพระยะเดียว ทำให้มองเห็นในระยะไกลได้ชัดเจนดี แต่ต้องใช้แว่นตาช่วยในการอ่านหนังสือมองระยะใกล้
- เลนส์ที่มีจุดโฟกัสภาพหลายระยะ ช่วยให้สามารถมองเห็นได้ชัดทุกระยะโดยไม่จำเป็นต้องสวมแว่นตา
- เลนส์ที่แก้ค่าสายตาเอียงในตัว ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้แว่นตาแก้สายตาเอียง หลังผ่าตัดในผู้ป่วยที่มีสายตาเอียงอยู่เดิม
แสดงความคิดเห็น